Tuesday, April 28, 2009

โทรป่วนคอลเซนเตอร์คือแฟชั่น?

เพิ่งได้เข้าไปอ่านและคลิกดู(ฟัง) YouTube จากกระทู้
"ตำรวจขโมยมือถือผมครับ" ในบอร์ดมา....

ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ

เอ่อ....

แบบนี้สินะที่เรียกว่าจิตไม่ว่าง

พักนี้เหมือนมันจะกลายเป็นแฟชั่นไปแล้ว(รึเปล่า?) เพราะเห็นมีอัพคลิป อัพไฟล์เสียงทำนองนี้แจกกันแพร่หลายจริง ๆ แต่ดูจะเป็นแฟชั่นที่ไม่โสภาเท่าไหร่ ถ้ามีใครทำตามแฟชั่นไร้สาระแบบนี้ จะเรียกว่าชักจูงกันไปในทางที่ผิดก็คงได้

เจ้าของกระทู้ก็แค่ไปเจอคลิป(เสียง)ขำ ๆ เลยเอามาแบ่งปัน อันนั้นไม่ว่ากันนะ คลิปบ้า ๆ บอ ๆ หรืออะไรพวกนี้มันขำอยู่แล้วล่ะ เพราะมันไม่เกี่ยวกับเรา เราเป็นแค่ผู้ดู ผู้ฟังเท่านั้น ฮาได้ ไม่คิดมาก

แต่ที่ข้องใจคือคนที่เป็นคนลงมือทำและอัดเสียงมาอัพแจกเนี่ยสิ

ไม่รู้สมองคิดอะไรอยู่

สำหรับคนโทร ที่โทรเล่น ๆ เอาฮา มันอาจจะสนุก แต่คนรับโทรศัพท์เขาคงไม่สนุกด้วยหรอก ขนาดเราเองนั่งทำงานอยู่ ไม่ได้ทำงานที่ต้องรับโทรศัพท์แบบนี้ทั้งวัน แค่มีคนโทรผิดมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่อง กวนโมโห เรายังโมโหเลย มันทำให้อารมณ์เสีย และไม่ดีต่อสุขภาพจิต

แล้วคิดดูว่าคนทำงาน Customer Support หรือ Call Center ที่ในวันหนึ่ง ๆ เขาต้องรับโทรศัพท์หลายร้อยสาย ต้องใช้สมอง สมาธิ และไหวพริบในการช่วยเหลือลูกค้า แนะนำลูกค้า และช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าตลอดช่วงเวลาทำงานของเขา ต้องมาเจออะไรที่ยียวนป่วนประสาทแบบนี้ มันเป็นการเพิ่มภาระให้สมองและสภาพจิตของเขาโดยไม่มีเหตุอันควร ยิ่งใครกำลังเครียด ๆ อยู๋เจอแบบนี้เข้าอาจจะอยากตะโกนด่าหรืออยากร้องไห้เลยก็ได้

งานรับโทรศัทพ์รับเรื่องร้องเรียน รับฟังปัญหาของลูกค้าสารพัดแบบนี้ มันมีการสะสมความเครียดนะคะ ไม่ใช่ว่าจะชิล ๆ คุยสบาย ๆ ได้ทั้งวัน และพนักงานยังต้องควบคุมอารมณ์มากกว่าปรกติด้วย เพราะบางทีเจอลูกค้าพูดจาไม่รู้เรื่องบ้าง ลูกค้างี่เง่าบ้าง ลูกค้าเอาแต่ใจบ้าง หรือลูกค้าบางคนอาจจะไม่ได้เจตนาจะทำตัวไม่ดี แต่บังเอิญเข้าใจอะไรยาก อาจจะมีการถามซ้ำ ๆ หรือบอกแล้วไม่เข้าใจบ่อย ๆ พนักงานเลยต้องใช้ความพยายามอธิบายมากกว่าเดิมหลายเท่า

พวกเรามนุษย์กินเงินเดือนหรือไม่กินเงินเดือนก็แล้วแต่ ที่ไม่ต้องปวดหัวกับการ "ทำงานด้วยโทรศัพท์" คงไม่อาจเข้าถึงจิตใจอันขมขื่นของพนักงานคอลเซ็นเตอร์ได้ เพราะเวลาเราโทรไปกวนตีนเพื่อน หรือมีเพื่อนโทรมาประสาทแดกใส่เรา เราก็ขำ ๆ ใช่มั้ยล่ะ? เพื่อนกันนี่ คุยเล่น

แต่นี่สำหรับเค้า มันเป็นงาน! งานนะคะ ซีเรียส จริงจัง เล่นไม่ได้ และต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วย

แล้วคิดดูยังมีคนอุตส่าห์โทรไปกลั่นแกล้งเค้าอีก

ความคึกคะนองและสนุกสนานของคนเรา บางครั้งก็ควรจะจำกัดขอบเขตไว้บ้าง ไม่ใช่ไปละเมิดหรือก้าวก่ายคนอื่นแบบนี้ คนเราอยู่ร่วมกันในสังคมก็ควรจะเคารพสิทธิของผู้อื่น ให้เกียรติคู่สนทนา และรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ทำตัวเกกมะเหรกเกเรสร้างปัญหาหนักใจให้คนอื่น ไปเบียดเบียนเขาแบบนี้ แล้วก็มานั่งหัวเราะ หรืออัพไฟล์อวดอย่างภาคภูมิใจ มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเยี่ยงนี้

บางคนอาจจะคิดตื้น ๆ แค่ว่า เอาน่า เราทำแค่คนเดียว เราป่วนแค่คนเดียว จะไปเดือดร้อนอะไรมาก.... แต่คิดแบบนี้ก็เหมือนแนวคิดของพวกมักง่ายทิ้งขยะไม่เป็นที่แหละ คิดแค่ว่าเราทิ้งขยะชิ้นเล็ก ๆ แค่ชิ้นเดียว ไม่มีใครเดือดร้อนหรอก โดยที่ลืมไปว่าขยะชิ้นเล็ก ๆ แต่ถ้ารวมกันหลาย ๆ ชิ้นก็กลายเป็นปริมาณมากได้ ถ้าคนที่คิดมักง่ายเหมือน ๆ กันมีเยอะหลายคน ไอ้ขยะชิ้นเล็ก ๆ นั่นก็จะกลายเป็นกองใหญ่มหึมาในที่สุด แล้วก็จะเกิดอาการ "กวาดเท่าไหร่ก็ไม่หมด ถ้าไม่งดทิ้งขยะ" ขึ้นมา

ถ้าในหนึ่งวันมีคนพูดไม่รู้เรื่องหลาย ๆ คน หรือมีคนเจตนาป่วนคอลเซ็นเตอร์หลาย ๆ คน พนักงานก็น่าสงสารแย่เลย จริงอยู่ว่าพนักงานที่รับโ?รศัพท์นั้นมีหลายคน ไม่ใช่มีแค่คนเดียวง แต่ไม่แน่ อาจจะมีบางคนได้แจ็คพ็อดซวย เจอหลายสายในวันเดียวก็ได้ ไม่มีใครรับประกันได้ว่าความซวยมันจะกระจายเฉลี่ยออกไป

คิดดูว่าตัวเราเอง แค่เจอคนกวนตีน โดยที่แต่ละคนกวนตีนเราแค่ครั้งเดียว เรื่องเดียว แต่วันนั้นเราซวยเจอหลายคนมากวน ความหงุดหงิด ความเครียด ความโมโห ความอัดอั้นอยากด่า อยากเตะมัน ก็จะเพิ่มขึ้น ๆ บางทีถ้าเก็บกดเอาไว้มันก็ระเบิดออกมา อาจจะเตะไอ้คนกวนตีนคนที่ 5 ปลิวข้ามสนามฟุตบอลไป หรืออาจจะด่าคนกวนตีนคนที่ 7 จนร้องไห้กลับบ้านหาแม่ไป แต่คอลเซ็นเตอร์ทำไม่ได้ (หรือ ทำได้แต่ไม่ควรทำ) เพราะมันคืองาน! คำว่าหน้าที่ และความรับผิดชอบมันค้ำคออยู่ เวลาโดนโทรป่วน เขาก็ได้แต่พยายามทำเสียงให้สุภาพที่สุดเท่านั้น....

รังแกคนไม่มีทางสู้นี่ น่าภูมิใจ๊ภูมิใจซะเหลือเกิน! (*ประชด*)

เฮ่อ....

ก็เห็นแล้วล่ะ ว่าไฟล์ใน YouTube นั่นเขาเขียนจั่วหัวไว้ว่า ถ้าเป็นพวกไม่นิยมการป่วนก็อย่าดู และอย่าบ่น เพราะเขาทำมาแจกให้คนดูแล้วขำกัน ไม่ได้แจกเพื่อให้ตัวเองโดนบ่น เราเองกดเข้าไปดูโดยไม่รู้ว่ามันคือคลิป "โชว์เมพ"ป่วนคอลเซ็นเตอร์ มิหนำซ้ำดูแล้วยังเกิดไม่ชอบใจขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องมาบ่นในที่ส่วนตัวของเรา ที่ซึ่งเราจะใช้เขียนอะไรก็ได้ตราบที่ไม่ก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น เพราะมันคือความคิดเห็นส่วนบุคคล หุ ๆ

Monday, April 27, 2009

คุณรู้จัก Gamer's Gate ได้อย่างไร

กระทู้ถามเรื่อง "คุณรู้จัก Gamer's Gate ได้อย่างไร" นี่เป็นอีกหนึ่งในกระทู้ยอดฮิตที่หายาก

เอ๊ะ? ยอดฮิตแล้วมันหายากยังไง?

ก็ เป็นกระทู้ที่ไม่ได้มีเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้มามาบ่อย ๆ กล่าวคือจะมีคนตั้งเฉลี่ยประมาณปีละหน หรือเว้นนานก็ 2 ปีหน ดังนั้นถึงจะซ้ำซากอยู่หน่อย ๆ แต่หลาย ๆ คนก็ยินดีที่จะตอบ และบางคนก็ไม่เคยเห็นกระทู้ก่อนหน้านี้มาก่อน ก็จะยังรู้สึกว่าเป็นกระทู้แปลกใหม่อยู่

ล่าสุดของปีนี้ ก็คือกระทู้นี้ >> ทุกคนรู้จักgamer-gateได้ยังไง??(กระทู้อยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้า)

ก็ได้เข้าไปตอบอีกครั้ง อิ ๆ

แล้วก็รื้อกระทู้เก่า ๆ ออกมาดู เจอกระทู้ของปี 2006!
[อยากรู้อยากเห็น]ทุกท่านรู้จัก Gamer's Gate ได้อย่างไร

นอกจากนี้ยังเจอกระทู้ขำ(โคตร ๆ)
ก่อนที่บอร์ดใหม่จะเสร็จ : มาสารภาพความผิดในบอร์ดนี้ กันเถอะ ...


อ่านแล้วมันฮาจริง ๆ ให้ตายเถอะโรบิ้น!
สมาชิกหน้าเก่าที่ปัจจุบันแสนจะเรียบร้อยและสุภาพ เมื่อก่อนแต่ละคนโชกโชนทั้งนั้น! แหม ก็แน่ล่ะ คนเราบางทีก็คึกคะนอง แต่พอรู้แล้วว่าไม่ดีก็เลิกทำ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าคนดีชอบแก้ไข คือรู้ว่าเคยทำผิดก็ปรับปรุงตัว ไม่ให้ผิดเหมือนเดิมอีก น่ารักดีนะ ^^

เฮ้ย เริ่มนอกเรื่องไปไกล....

กลับมาคำถามเรื่อง รู้จัก GG ได้ยังไง?

ย้อนอดีตไปไกลแสนไกล เมื่อปี 2543 สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 เคยไปเข้าบอร์ดที่แสนสยดสยองและน่ากลัวแห่งหนึ่ง คือบอร์ดเลมอน.... ในนั้นน่ากลัวมาก เทียบแล้วก็ประมาณแดนเถื่อน ไม่มีตำรวจ (หรือมีตำรวจแต่ตำรวจโดนโจรกระทืบตายไปแล้ว) คือด่ากันเละเลย ใครไม่พอใจใครก็ด่ากันอย่างไม่ไว้หน้า มารยาททางสังคมและมารยาทในเว็บบอร์ดทุกข้อถูกสมาชิกละเมิดกันหมด คนละข้อสองข้อ หรือบางคนละเมิดทุกข้อก็มี (โอ้วววว บร๊ะเจ้าจ๊อด มันรอดยาก)

หลังจากที่ไปหลงอยู่ในวังวนอันน่าสยองพองขนนั้นอยู่หลายเดือน และพบว่า หลักเหตุและผล และการพูดจาแบบสุภาพชนนั้นใช้เอาชนะคนพาลที่มาเป็นหมู่มากไม่ได้ ก็เลยเลิกเล่นเว็บบอร์ดไปเลย ด้วยความเหนื่อยหน่ายและระอา จนกระทั่งเพื่อนสุดที่รัก Zero (เซโร่ หรือชื่อเล่นจริง ๆ ว่า โช) ก็เขียนจดหมาย ems มาบอกว่า ตอนนี้เล่นอยู่ที่เว็บ Gamer's Gate ให้ลองเข้าไปดูทาง URL นี้ ๆ นั้น ๆ แล้วจะได้คุยกัน

ฮู้วววววววววววววววว~

แล้วเราก็ได้พบกัน!

สมัยนั้นบอร์ดยังอยู่กับ siamstreet ล่ะมั้ง เป็นบอร์ดพื้นหลังขาว ตัวกระทู้ก็ขาว มีกรอบรอบ reply เป็นเส้นบาง ๆ เส้นเดียว บอร์ดยังไม่มีลูกเล่นอะไรมาก และสมาชิกก็ยังน้อยอยู่ เราก็เข้าไป "ปั่นกระทู้" คือเจอกระทู้ของ Zero กระทู้ไหนก็ตอบหมดเลย (กลัวเพื่อนไม่รู้ว่ามาสมัครสมาชิกแล้ว =_=;;) ผลก็คือ เลเวลพุ่งกระฉูด รู้สึกว่าจะเลเวล 20 ใน 3 วันล่ะมั้ง....

ดีนะไม่โดน Dark Force.... หรือไม่ก็ ที่ไม่โดนเพราะเราไม่ได้ตอบแบบชุ่ย ๆ แต่ตอบแบบพูดคุยไปเรื่อย พอจะมีสาระอยู่บ้าง (รึเปล่า?)

มาถึงตอนนี้ ย้อนกลับไปดูตัวเองสมัยนั้น แหม ช่างเป็นเด็กที่คึกอะไรขนาดนั้น ถ้าใช้มาตรฐานตอนนี้ล่ะก็ Shin ในอดีตคงโดนใบเหลืองไปแล้ว 2 ใบ หรือไม่ก็ใบแดง 1 ใบเต็ม ๆ 555!!! คือถึงจะไม่ถึงขนาดโดนแบน แต่ต้องโดนเตือนแน่ ๆ

เอาเป็นว่าเรื่องยาวเล่าให้สั้น (นี่สั้นแล้วเหรอ?!) ก็ติดใจในสังคมอันสงบสุขและเปี่ยมด้วยอัธยาศัยของ Gamer's Gate อย่างที่เราไม่เคยประสบที่อื่นมาก่อน (ยิ่งมาเจอที่แบบนี้หลังฝ่าสมรภูมิสงครามด่ามาจากเลมอนแล้วยิ่งประจับใจ เอิ๊ก ๆ) ก็เลยทำให้สิงอยู่ที่บอร์ด GG ยาวนานมาถึงปัจจุบัน ปี 2552.... 9 ปีแล้วสิเนี่ย เหอ ๆ!

สำหรับเราตอนนี้ Gamer's Gate ก็คือบ้าน

แม้ว่าตอนนี้บ้านจะเก่า จะผุ จะคับแคบลงเพราะแออัดยัดทะนานไปด้วยสมาชิกที่เนืองแน่น โดยที่ไม่ได้สนิทสนมใกล้ชิดกันเหมือนเมื่อสมัยมีสมาชิกแค่ 100 คน....... แต่ก็ยังเป็นบ้าน เป็นบ้านที่เรารักอยู่เหมือนเดิม

เพิ่งจำได้ว่ามี ID อยู่ที่ Blogger

555!!!

ตามประสาคนชอบทำบล็อก แต่ชอบดอง และชอบลืม ก็เลยไม่ได้อัพบล็อกที่นี่มานานโขแล้ว จนกลับไปอ่าน talk เก่า ๆ ของในบอร์ด GG แล้วเห็นว่าเออ เราย้าย server ครั้งหนึ่งเมื่อก่อนเข้าเดือนเมษายน แต่ไม่ได้อัพบล็อก ทั้ง ๆ ที่บล็อก gamer-gate ที่เปิดไว้ที่ blogger เนี่ย มีไว้เป็นแหล่งรวมพลคนเร่ร่อน ในยามคับขัน หรือในยามบ้านแตกสาแหรกขาดแท้ ๆ

เอาเป็นว่าต่อไปนี้ถ้ามีข่าวคราวอะไรที่เกี่ยวกับบอร์ด แต่ติดต่อกันผ่านบอร์ดไม่ได้ (เพราะบอร์ดล่ม หรือซ่อม server หรืออะไรก็ตามแต่) ขอให้สมาชิกทุกท่านมาติดตามความเคลื่อนไหวเอาแถว ๆ นี้ก็แล้วกัน