Monday, November 15, 2010

ตัวเองไม่แก่บ้างก็ให้มันรู้ไป

นาน ๆ เข้า blogspot ที ก็บ่นทุกที...

ก็ แหม เป็นคนไม่สม่ำเสมอ เลยไม่ได้เขียนเป็นประจำ ก็เลยเขียนเฉพาะเวลามีไฟ หรือฮึดอะไรขึ้นมาแทน และแน่นอน จะมีอะไรมาสะกิดเชื้อไฟได้ดีกว่าความโกรธ?

หงุดหงิดงุงิอะไร ใช้บล็อกสิคะ
โมโหโทโสใคร ๆ ใช้บล็อกสิคะ
อยากต่อยอยากตบคนไหน ใช้บล็อกสิคะ
อยากบ่นอยากด่าเรื่อยไป ใช้บล็อกสิคะ
เก็บกดอัดอั้นตันใจ ใช้บล็อกสิคะ

เขียนบ่นระบายกับตัวเอง คลายความขัดข้องหมองใจ โดยไม่ต้องไปปีนเกลียวใคร นี่สิ อานุภาพของบล็อก! แหม เป็นยาวิเศษรักษาโรค(จิต)ได้ทุกโรคจริง ๆ

เรื่องของเรื่องคือวันนี้ไปเดินห้างกับคุณแม่ ก็เลยชวนคุยไปเรื่อย ๆ ได้ความว่าไปต่างจังหวัดแล้วเหนื่อยไม่พอ เครียดด้วย 'รมณ์เสียย่ะ'รมณ์เสีย เราก็ถามว่ามีอะไร เป็นอะไร คุณแม่ก็เลยเล่าให้ฟัง....

แหม จะว่าเอาเรื่องในบ้านของคนอื่นมานินทาก็ใช่.... แต่มันก็เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปที่หลายครอบครัวคงต้องประสบพบเจอด้วย เลยคิดว่า เขียน(บ่น)ไว้ไม่เสียหาย เผื่อใครมาอ่านเจออาจจะจดจำ เก็บไปคิดอะไรได้บ้าง

เรื่องมันเกิดจาก.... คุณแม่ไปทำบุญต่างจังหวัด เพราะช่วงนี้เป็นฤดูทอดกฐิน แล้วก็เลยไปเจอผู้คนมากมายยยยยยยยย ก็มีบ้านหนึ่ง มีคุณยายอายุประมาณ 80 มาด้วย และพอดีเป็นคนรู้จักมักคุ้นกัน และคุยกันถูกคอมาตลอด คุณแม่ก็เลยไปคุยด้วย

คุณแม่บ่นว่า หนนี้เจอ คุณยายคนนี้ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เหมือนหนก่อน ตอนเจอยังยิ้มแย้มแจ่มใส แต่หนนี้ไม่ยิ้ม ตาก็หม่นหมอง ไม่มีแววความสุข! คุณแม่ก็เลยคอยมองเป็นพิเศษ ว่าคุณยายแกมีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรือเปล่า

แล้วในระหว่างงานบุญ ก็พบว่า คุณน้าที่เป็นลูกสะใภ้ของคุณยายคนนั้น ก็บ่นให้เรา ๆ ฟัง ว่าคุณยายน่ะหลงแล้ว เป็นอัลไซเมอร์ ชอบหลงชอบลืมเพราะแก่แล้ว แล้วก็ว่าคุณยาย ว่าขี้โมโห ชอบหงุดหงิดฉุนเฉียว ด่าแม่บ้าน(แม่ครัว)อยู่บ่อย ๆ

คุณน้าที่เป็นลูกชายของคุณยายแก ก็พูดสนับสนุนด้วย ว่าแม่น่ะหลงแล้ว ไม่เหมือนคุณป้า (หมายถึงคุณย่าแท้ ๆ ของเรา ที่ไปทริปนี้กับพ่อกับแม่เราด้วย)

เราฟังแค่นี้เราก็ขัดใจแล้ว ก็ทำไมอ่ะ? แก่แล้วไง? แม่ตัวเองหนิ คนเรามีใครอยากแก่บ้างอ่ะ? หลงลืมก็เป็นเรื่องของสังขาร มันช่วยไม่ได้นี่

แม่เราเล่าต่อ ว่าพ่อเรา ด้วยนิสัยชอบพูดคุบ ชอบเออออไปกับวงสนทนา ก็ผสมโรงด้วย แม่เคืองมาก ต้องดุ ว่า อย่าเอาใครมาเปรียบเทียบกับคุณย่า เพราะคุณย่าอายุมากแล้วก็จริง แต่ทำงานทุกวัน ใครจะมาเทียบได้

ความหมายของแม่ก็คือ คุณย่าของเราใช้สมองทุกวันมาตั้งแต่สาว ๆ ปัจจุบันนี้ก็ยังออกไปไหนมาไหนอยู่ตลอด ใช้สมองทุกวัน พบปะคนมากมายตลอดเวลา และยังคงทำงานอยู่ แม้จะไม่ได้ไปออฟฟิศทุก ๆ วันแล้วก็ตาม แถมยังมีคนรับใช้ มีลูกสาวติดสอยห้องตาม จะทำอะไรก็สั่งได้ เพราะมีอำนาจ เป็นใหญ่ในบ้าน เพราะฉะนั้นก็ได้บริหารอำนาจ บริหารสมอง จะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง

แต่คุณยายคนนั้นไม่ได้มีอำนาจในบ้าน สามีแกเสียไปแล้วก็จริง แต่ทุกวันนี้แกอาศัยบ้านลูกชายลูกสะใภ้อยู่ จะออกไปไหนก็ไม่ได้ ไม่ได้มีคนขับรถส่วนตัว เดินออกไปเอง ก็ถูกคุณน้า(ลูกสะใภ้)ต่อว่า ว่าอย่าซี้ซั้วออกไปเดิน มันอันตราย เกิดใครจับตัวไปเรียกค่าไถ่จะทำยังไง วัน ๆ เลยต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในบ้าน จะไปบริหารสมองที่ไหน? ก็ต้องมีหลงลืมบ้างเป็นธรรมดา

แม่เราก็ช่วยเถียงให้ ว่า แต่คุณยายยังไม่หลง ยังจำแม่น ยังคุยรู้เรื่อง

ลูกชายแกก็แย้งว่า โอ๊ย คุณแม่น่ะจำได้แต่เรื่องอดีต เล่าแต่เรื่องเมื่อก่อน แต่ของปัจจุบันน่ะหลงลืมตลอด นอกจากนี้เวลามีใครถามอายุคุณยาย แล้วคุณยายตอบผิดไป 2 ปี คุณน้า(สะใภ้)ก็จะกรี๊ด ว่า อะไร้อะไร! คุณแม่จำอายุตัวเองแค่นี้ก็จำไม่ได้เหรอ คุณแม่น่ะอายุ 80 ต่างหาก!

โชคดีที่เราไม่ได้อยู่ด้วย.... ไม่งั้นอาจจะได้ก้าวร้าวผู้ใหญ่ และลุกขึ้นเถียงกลางโต๊ะแล้วว่า น้าคะ นั่นแม่คุณน้านะ จะหักหน้ากันไปทำไมให้อายชาวบ้านชาวช่อง คนเราไม่มีใครหรอกที่อยากแก่ อยากหลงลืม แค่ตัวเองแก่ตัวลง ดูแลตัวเองไม่ได้ ไม่เหมือนสมัยยังแข็งแรง แค่นี้ก็ช้ำใจมากพออยู่แล้ว ทำไมคนในบ้าน โดยเฉพาะลูกแท้ ๆ ยังจะต้องมาซ้ำเติมให้เจ็บใจมากขึ้นไปอีก? ตัวเองไม่แก่มั่งก็ให้มันรู้ไปสิ อีกหน่อยลูกคุณน้าทำแบบนี้บ้างในตอนที่คุณน้าแก่หงำแบบนี้ คุณน้าจะรู้สึกยังไง?

โอ๊ยปรี๊ด คิดแล้วโคตรโมโห โมโห ๆ ๆ ๆ แม่ตัวเองนะ ทำแบบนี้ได้ไง ก็วัน ๆ ไม่คอยดูแล ไม่คอยช่วยเหลือ ไม่คอยส่งเสริมให้แกใช้สมอง บริหารความจำ ปล่อยให้แกหลงลืมเองนี่หว่า พอแกหลง ๆ ลืม ๆ นิดหน่อยก็ต่อว่าซะขนาดนี้

ถ้าเป็นเรานะ ถ้าตัวเราเองแก่แบบนี้ แล้วมีลูกแบบนี้ ชอบต่อว่า หักหน้า ชอบพูดให้เราอับอายและเสียใจแบบนี้ล่ะก็ ต่อให้เราไม่ได้หลงไม่ได้ลืมจริง ๆ เราก็คงอยากแกล้งทำเป็นหลงลืมอยู่ดี! รำคาญ ขี้เกียจพูดด้วย! ขออยู่เงียบ ๆ ตามประสาคนแก่ที่ไม่มีใครสนใจดีกว่า สงบดี ไม่รำคาญหูด้วย

แม่เราก็บอกเรา ว่าตอนนั้นแม่ก็เคืองเหมือนกัน แต่ก็ไปเสือกเรื่องในบ้านของเขาไม่ได้ ได้แต่คอยทำตาเขียว หรือสะกิดปรามคุณพ่อ ไม่ให้ผสมโรงไปกับเขา กับไปนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณยายคนนั้น สอนให้แกไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น บอกว่าให้ห่วงแต่ตัวเอง พยายามทำตัวแข็งแรงไว้ ทำใจให้สบาย ให้ว่าง ให้ฟังธรรมะ สวดมนต์ ทำจิตให้สงบ เพราะลูกหลานโตหมดแล้ว ร่ำรวยแล้ว ไม่มีใครต้องห่วงแล้ว

สรุปว่า บ้านไหนมีผู้เฒ่าผู้แก่ แทนที่จะรำคาญว่าแกแก่ ดูแลตัวเองไม่ได้ หลง ๆ ลืม ๆ เรามาช่วยกันหาวิธีช่วยแกบริหารสมองทุก ๆ วันดีกว่า จะได้ไม่หลงไม่ลืม เพราะการใช้สมองอยู่ทุกวัน คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ความจำดี และหลงลืมช้าลง อย่าละทิ้ง อย่าดูถูกคนแก่ อย่าต่อว่าท่าน อย่าพูดถากถางให้ท่านเสียใจ ช่วยกันเอาใจใส่ดูแลผู้อาวุโสในบ้านของคุณ เพื่อไม่ให้ท่าน"แก่"จะดีกว่า

คุณอาจจะคิดว่าพวกท่านเป็นภาระ แต่สมัยก่อนล่ะ? สมัยที่พวกท่านยังช่วยเหลือตัวเองได้ ยังแข็งแรง พวกท่านดูแลเรามามากขนาดไหน เหนื่อยมาเท่าไหร่แล้ว? แล้วเราล่ะ เมื่อก่อนเคยเป็นภาระให้ท่านไหม? ตอนเด็ก ๆ เราต่างล้วนเคยเป็นภาระให้พ่อแม่ ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย คนใดคนหนึ่งมาแล้วทั้งนั้น

ตอนเป็นทารก ใครล้างก้นให้เราเวลาเราอึเลอะผ้าอ้อม หรือฉี่ใส่ที่นอน? ใครที่ป้อนนมป้อนข้าว? ใครที่เลี้ยงดูเรามาจนโต?

แล้วเราเองอีกหน่อยก็ต้องแก่

มองดูพวกท่าน แล้วขอให้นึกไว้ตลอดเวลา ว่าอดีตของพวกท่าน ก็เคยผ่านวัยเด็ก วัยรุ่ย วัยกลางคน มาเหมือนเรา และเราเอง อีกหน่อยก็ต้องเข้าสู่วัยชราเหมือนท่าน ปฏิบัติต่อท่านอย่างที่มนุษย์ควรได้รับ ปฏิบัติต่อท่านอย่างที่ปัญญาชนพึงปฏิบัติ อย่าให้ข้าวที่เรากินไปจากน้ำพักน้ำแรงของท่านทุกเม็ดกลายเป็นเพียงข้าว ที่กินแล้วร่างกายแปรให้เป็นขี้ แล้วก็ขับออกไป ลงโถลงท่อแล้วก็แล้วกันไป โดยไม่มีคุณค่าหรือความซาบซึ้งใด ๆ หลงเหลืออยู่ในร่างกาย จิตใจ หรือสมองของเรา