Friday, June 12, 2009

คำก็โอตาคุ สองคำก็โอตาคุ!

ไปมุงกระทู้ pantip มาอีกแล้วค่ะ โอ๊ยขัดใจมากมาย

ถูกใจหลาย ๆ ความเห็น ที่ร่วมชี้แนะ(หรือวิจารณ์)อย่างสุภาพและมีเหตุผล บางอันน่าให้กิ๊ฟมาก ๆ แต่ช่างเป็นที่ทรมานใจเหลือเกินเพราะกิ๊ฟของเดือนมิถุนายนนี่หมดไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้วค่ะ เหอะ ๆ (ประมาณว่าหมดตั้งแต่วันที่ 2....) และบางข้อความก็ช่างทำให้ขัดใจเป็นยิ่งนัก!

ก่อนอื่นก็ คำว่าเจ๊ง เจ๊งค่ะ เจ๊ง! เจ๊งที่แปลว่า ล่ม ล้ม พัง มันสะกดแบบนี้ คือใช้ไม้ตรีค่ะท่านผู้ชม

แล้วก็คำว่า บริษัท.... เข้าใจว่าเผลอจิ้มคีย์บอร์ดผิด แต่อะไรมันจะผิดได้ในทุกประโยคที่กล่าวถึงคะเนี่ย คีย์ไม้หันอากาศก็ไม่ได้เสีย (สังเกตจากคำอื่น ๆ สามารถใช้ไม้หันอากาศได้ตามปรกติ)

ถ้าเป็น Chat ที่พิมพ์สด กด enter สด ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ คนเรามันเผลอผิดกันได้ เราเองก็จิ้มผิด พิมพ์พลาด หรือกด shift ผิดจังหวะบ่อย ๆ แต่นี่โพสต์กระทู้แท้ ๆ ก็ยังผิดซ้ำซากหลายรีพลายได้

ยังมีอีกคำ แต่คำนี้เห็นคนอื่นสะกดผิดบ่อยเหมือนกัน คือคำว่า โอกาส ซึ่งเผลอใช้ ศ. สะกดแทน

อ่านแล้วหงุดหงิดในหัวใจ ตามประสาคนทำงานกับตัวอักษรค่ะ

(และตามประสาคนประเภท "เรารักภาษาไทย" ก็อยากติงมาก ๆ เลยนะ ถ้าสนิทกันคงเตือนแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ซี้กัน ไม่ถือ แต่แบบ....เราไม่รู้จักมักจี่อะไรเค้าเลย ไม่ใช่คนคุ้นเคยกัน จะไปละลาบละล้วงท้วงเค้าเรื่องการพิมพ์ผิดหรือการสะกดผิดก็รู้สึกว่ามันจะจาบจ้วงเกินไป เดี๋ยวจะมีคนอื่นมองว่าจับผิดไม่เข้าท่า - สรุปคือกลัวเสียภาพลักษณ์เลยไม่เตือน เงิก.... เห็นแก่ตัวไปมั้ยนี่?)

ปัญหานอกเรื่องหมดไป มาถึงปัญหาของเนื้อหาในกระทู้....

ก่อนอื่นอยากบอกว่ากระทู้นั้นมีคนเข้ามารติเพื่อก่อมากมาย ซึ่งน่าจะมีประโยชน์ในอนาคตสำหรับทีมงาน เพราะคนเราย่อมเรียนรู้จากความผิดพลาด และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปรับปรุงปัจจุบันเพื่อให้อนาคตดีขึ้น

ก็ดีค่ะ ความเห็นหลาย ๆ ความเห็นก็มีประโยชน์ดี

แต่ตงิด ๆ รำคาญคำว่า Otaku ค่ะ

คำนี้ปัจจุบันนำมาใช้กันเกร่อเกินไป และบางครั้งดูยัดเยียด ๆ ยังไงบอกไม่ถูก (โดยเฉพาะในกระทู้บางกระทู้ของ pantip รู้สึกจะเชิดชูบูชาคำว่าโอตาคุกันซะจนเลิศลอยเหลือเกิน) บางทีก็เอามาใช้เรียกคนอื่นเหมือนเป็นคำสรรเสริญ.... เห็นแล้วปวดขมับค่ะ

คือจริง ๆ คนเราใครจะเป็นโอตาคุหรือไม่เป็น ตัวเองหรือคนรอบข้างอาจจะรู้ดีที่สุด และใครจะมองคำว่าโอตาคุยังไง ก็คงเป็นทัศนคติส่วนตัวของคนนั้น แต่อย่าลืมนะคะว่าคนเราไม่ได้มองทุกอย่างเหมือนกันหมด บางคนที่ชอบคำว่าโอตาคุ รู้สึกว่ามันโก้ดี แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร โดดเด่นและเป็นตัวของตัวเอง คนอื่นอาจจะไม่มองคำคำนี้อย่างที่คุณมองก็ได้!

สำหรับเราคำว่า Otaku นี่มันกินดีกรีหนักกว่าเป็นแค่ geek หรือ nerd ธรรมดา ๆ ถ้าให้เทียบกับภาษาอังกฤษ ก็คงประมาณเกือบ ๆ พวก no life

ซึ่ง No life ในภาษาอังกฤษหมายความถึงพวกที่หมกมุ่นอยู่กับงานอดิเรก (ส่วนมากหมายถึงเกม โดยเฉพาะเกมออนไลน์ หรือหมายถึงโลกไซเบอร์ จำพวกเว็บบอร์ด) จนไม่มี "ชีวิต" ในโลกจริง คือหมกตัวอยู่แต่ในโลกออนไลน์ วัน ๆ เฝ้าแต่เว็บบอร์ด หรือคอยรีเฟรชกระทู้เพื่อรีบตอบอย่างฉับพลัน ซึ่งคำด่าที่คนอื่นจะงัดออกมาใช้ก็คือ "Get a life" ความหมายก็คือประมาณว่า "มึงช่วยไสหัวไปแล้วไปหาอะไรทำนอกจอเถอะ กูรำคาญมึง"

และส่วนมากคนที่จะโดนว่าขนาดนี้ ต้องทำตัวงี่เง่าในระดับหนึ่ง เช่นยึดติดกับของหรือชื่อเสียงออนไลน์มากเกินไป ทำตัวงอแง ขี้วีน จองล้างจองผลาญอีกฝ่าย (ที่เป็นแค่ชื่อสมมติในเว็บ หรือตัวละครสมมติในเกม) แล้วทำตัวเหมือนวัน ๆ ว่างมาก คอยที่จะตอแยอีกฝ่ายอยู่เนือง ๆ หรือไม่ก็เป็นพวกอวดโอ่ โอหังด้วยศักดาออนไลน์ของคน ว่าข้าแน่ ข้าเจ๋ง (ประมาณว่ามี e-peen เยอะ โม้ทับถมคนอื่น) พวกนี้ก็อาจถูกตราหน้าว่า no life ได้เช่นกัน

ซึ่งคนเราถ้าถึงขั้นเพื่อนว่า หรือคนอื่นด่าว่าเป็นพวก No life, หรือว่าใส่หน้าว่า "You have no life." ไม่ก็ไล่เราให้ Get a life นี่ก็ควรพิจารณาตนเองได้แล้ว ว่าทำอะไรที่มันสุดโต่งไปรึเปล่า

ค่ะ สำหรับเรา Otaku ก็เป็นคำบรรยายถึงกลุ่ม Extreme (สุดโต่ง) พวกนั้นเช่นกัน แต่จะโต่งแค่ไหนก็คงแล้วแต่รายบุคคลไป โต่งมากโต่งน้อยตามอัตรา บางระดับก็ยังเป็นที่ยอมรับของเพื่อนฝูงเพราะไม่ก่อความอับอายขายหน้าหรือความเดือดร้อนให้ใคร แต่บางทีอาจถึงขั้นเพื่อนไม่คบ ไม่ว่าตนเองจะทำตัวเองให้ไม่น่าคบ หรือเพื่อน ๆ จะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างก่อนด้วยเหตุผลนานาก็ตาม

และมันไม่ใช่คำประเภท quality ที่จะนำมาใช้อวดโอ่สรรพคุณหรือเยินยอใครเลยค่ะ

สิ่งที่คุณเป็นนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ชื่อสรรพคุณ ชื่อกลุ่ม หรือคำบรรยายที่คนอื่นมอบให้ แต่คือตัวตนของคุณ เนื้อแท้ของคุณ ว่ามีคุณค่าแค่ไหน ดังนั้นมันมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาขนานนามตัวเองหรือคนอื่นว่า Otaku อย่างยัดเยียด ๆ ขนาดนั้น?

อย่างเราเองที่เป็นสาววาย (ยาโอย) ก็รู้ตัวว่าเป็นและชอบ และมีรสนิยมแบบนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ธุระ ไม่ใช่เรื่องที่ควรภาคภูมิใจแล้วเที่ยวไปตีกลองร้องป่าวว่าอิฉันเป็นสาววายนะเจ้าข้าเอ๊ยยยย หรือไปเที่ยวติดประกาศบ่งบอกว่าคนนี้ คนนู้น คนนั้นเป็นสาววายเหมือนอิฉัน!!!

จะไปดึงดูดความสนใจของสังคมทำไมคะ ในเมื่อเราอยู่เงียบ ๆ ของเราก็มีความสุขกับงานอดิเรกชนิดมีรสนิยมเฉพาะทางของเราเองได้ คนอื่นไม่รู้ก็ไม่เสียหาย คนอื่นไม่รู้จักก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลยกับรสนิยมของเรา

และเราจะรู้ได้ยังไงว่า คนอื่นที่เราเที่ยวไปประกาศติดยี่ห้อให้เขา ว่าเป็นสาววาย สาวกวาย เป็นแม่ยกวาย บลา ๆ เขาจะชอบคำที่เราเลือกให้เขา? หรือถึงเขาจะไม่ได้"ไม่ชอบ"ถูกเรียกเช่นนั้น แต่ก็อาจจะไม่ได้อยากเปิดเผยตัวตนก็ได้

ตัวเองอยากจะเป็นอะไรก็เป็นไปเถอะ และถ้ารักจะป่าวประกาศตัวเองก็เรื่องของคุณค่ะ แต่ไม่ต้องมาช่วยประกาศให้ฉัน ขอบคุณนะ เกรงใจมากเลย ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ ขี้เกียจจ่ายค่าโฆษณา

และถ้ามีคนมาชี้ประกาศตัวฉันว่า "นี่ไงสาวโอตาคุยาโอย" อิฉันก็คงจะสะบัดหน้าเชิด เดินหนี ไม่คุยด้วยค่ะ ไม่คบ....

มันเป็นคำญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นใช้กันยังไงก็รู้ ๆ กันอยู่ แต่พอนำเข้ามาประเทศไทย มันถูกแล้วเหรอที่จะมาบัญญัติความหมายใหม่หรือ "usage" ใหม่ให้มัน?

ยกตัวอย่าง....
ใครจะเรียกเส้นโซบะว่าเส้นราเมงก็ตามใจเถิดค่ะ ถ้าจะอ้างว่าก็มันเป็นเส้น ๆ ทำจากแป้งเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่อ่ะกิ๊ฟฟฟฟฟ มันม่ายช่ายยย! อิฉัน(และคนอื่น ๆ)ไม่เรียกด้วยหรอกนะคะ! และขอให้คุณรู้ไว้ด้วยว่าคุณเองก็จะสื่อสารกับคนอื่นได้ยากด้วย ตราบใดที่ยังใช้คำผิดความหมายแบบนี้ต่อไป และอ้างว่ามันเป็นอคติส่วนตัว บลา ๆ ๆ


อ้อ ในกระทู้เห็นมีคนบ่น ๆ ว่าคนไทยปิดกั้น มีอคติกับคำว่าโอตาคุ

แหม ปิดกั้นอะไรคะ คนเราถ้าสนใจเรื่องคล้าย ๆ กันแล้วล่ะก็ไม่มีการแบ่งแยกชัดเจนขนาดว่า "อย่ามาใกล้ชั้น ไปทางโน้นไป๊ ชิ่ว ๆ" หรอกค่ะ แต่ไอ้การแบ่งกลุ่มหรือติดยี่ห้อว่าเป็นโอตาคุ บลา ๆ ๆ นี่ต่างหากล่ะคะ ที่จะปิดกั้นตัวคุณเอง ก็คนที่มาชี้บอกหรือเรียกคนอื่น(และตัวเอง)ว่าโอตาคุเนี่ยไม่ใช่เหรือคะ ที่กำลังแบ่งกลุ่มแยกออกไปใหม่เอง? ก็ดูเอาแล้วกันว่าใครกันแน่ที่แบ่งแยกหรือปิดกั้น

ถึงจะไม่ได้พูดออกมา หรืออ้างว่าไม่เค้ยไม่เคยแบ่งแยก แต่หลาย ๆ อย่างที่สื่อออกมาโดยนัย ๆ มันทำให้อดคิดไม่ได้ค่ะ

ถ้าอยากเข้าพวกต้องเป็นโอตาคุ?

ถ้าอยากร่วมสนุกด้วยต้องยอมถูกเรียกว่าโอตาคุ?

แบบนี้คนที่ไม่สะดวกใจจะเรียกตัวเองว่าโอตาคุ ก็ต้องมีบ้างล่ะที่สนแต่ไม่ยอมเข้าร่วม

เหอะ ๆ

แล้วจะโอตาคุกันไปเพื่อ??

คนที่ไม่คิดอะไรหรือไม่ถือสาก็อาจจะมีค่ะ แต่ยกตัวอย่างว่าสมมติมีคนหมู่หนึ่งจะไปทำอะไรสักอย่าง เช่น วิ่งมาราธอน แล้วคนที่ให้สัญญาณเริ่มวิ่งดันตะโกนว่า

"เอ้า มาราธอนสำหรับพวกบ้าทั้งหลายกำลังจะเริ่มแล้ว 3 2 1!! Go!"

คนที่ไม่วิ่งเพราะแย้งว่า "ผมไม่บ้า" หรือคนที่ยืนลังเลคิดอยู่ว่า ผมจะเป็น"ไอ้พวกบ้า"กับเค้าดีรึเปล่า ก็คงมีค่ะ และไม่ผิดด้วย คนที่ไม่ถือ และวิ่งโดยคิดว่าก็ผมมาเพื่อวิ่งมาราธอน คนอื่นจะประชาสัมพันธ์งานนี้ว่าไงก็ช่าง ก็คงมีเหมือนกัน

ถ้าในเมื่อนักวิ่งทั้งหมดคือกลุ่มเป้าหมาย คนประกาศก็ควรจะคำนึงถึงทั้งกลุ่ม ไม่ใช่ดูแต่กลุ่มหลังเท่านั้น

การเลือกใช้คำ มีผลในชีวิตจริงและกิจกรรมต่าง ๆ มากค่ะ เพราะคำพูดนั้นวิเศษนัก จะบันดาลให้อะไรสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ทั้งนั้น จะสร้างมิตรหรือสร้างศัตรูก็ได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับการใช้ให้เหมาะสมจริง ๆ ค่ะ

เออคนประกาศโฆษณาเขาบอกว่า ไม่ได้จำกัดแต่โอตาคุนะ เพลงเนี่ยใคร ๆ ก็ชื่นชอบได้ คอนเสิร์ตก็เปิดเพื่อคนทั่วไป ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่ม บลา ๆ ๆ แต่ไอ้การโหมโฆษณาโดยยึดคำว่าโอตาคุเนี่ย มันชวนให้คิดจริง ๆ ค่ะ รู้สึกเลยค่ะว่ากำลังโดนแบ่งแยก (ไม่ว่าจะแบ่งแยกว่าเราใช่ หรือแบ่งแยกว่าเราไม่ใช่)

ชอบจังคคห.ที่บอกว่า
"คำก็โอตาคุ สองคำก็โอตาคุ (ถ้าจะต่อมุขคุโรมาตี้ต้อง "บรรพบุรุษแกเป็นโอตาคุหรือไงฟะ")"

อย่างฮา!!

ป.ล. อิฉันจะไปดูค่ะ คอนเสิร์ตนี้ แต่อิฉัน "ไม่ ใช่ โอ ตา คุ"
เป็นแค่เพียงเด็กรุ่นเซนต์เซย์ย่า รุ่นดรากอนบอลค่ะ หุ ๆ ๆ

1 comment:

Moji said...

เอา comment ที่พิมพ์ไว้แล้วตัดสินใจไม่โพสต์ มาซุกหมกเม็ด?)ไว้ในบล็อกของตัวเองดีกว่า ว่าด้วยเรื่องการใช้คำว่าโอตาคุ เช่นกัน

---------------------------------
3 + 4

แต่ถ้าให้โหวตข้อเดียวขอ 4

จริง ๆ ถ้าให้พูดตามตรงแล้วสำหรับเรา คำว่าโอตาคุจะออกไปในแง่ลบ


และสำหรับข้อ 3 ที่เลือกมานั่น อยากให้ใช้คำว่า "หมกมุ่น" ด้วยซ้ำ และตัดคำว่า "แง่ดี" ออกไป...


---- ตอบไปแค่ด้านบนนี้ ส่วนข้างล่างหั่นทิ้งหมด เพราะรู้สึกว่าบ่นมากไป.... เดี๋ยวโดนหาว่าหัวโบราณ ----


แต่จะหมกมุ่นแค่ไหน ถึงขั้นลืมเรียน ลืมบ้าน ลืมครอบครัว หรือลืมงาน ลืมสังคมภายนอกมั้ย ก็แล้วแต่ระดับความปิดกั้นตนเอง หรือระดับเข้มข้นของ"โลกส่วนตัว"ที่ "โอตาคุ"คนนั้นจะมีขึ้นเมื่อหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ชอบ


คือ โอตาคุในความหมายแง่ลบสำหรับเราคือ กลุ่มคนที่มีแนวโน้มสูงที่จะไม่เอาสังคม ไม่คบเพื่อน หรือคบอยู่แต่กับเพื่อนที่สนใจในสิ่งเดียวกัน โดยไม่แยแสโลกภายนอกเท่าไหร่ และบางครั้งอาจสามารถมีพฤติกรรมบางอย่างซึ่งไม่ค่อยเป็นที่พึงประสงค์ได้ จนเพื่อนในชีวิตจริงอาจตีตัวออกห่างหรือยอมแพ้ ไม่พยายามเข้ามาคลุกคลีด้วยอีกต่อไป จึงทำให้กลายเป็นคนที่มีสังคมค่อนข้างแคบ

กรุณาสังเกตคำว่า "มีแนวโน้มสูง" กับคำว่า "บางครั้งอาจ" ด้วย
คือไม่ใช่โอตาคุทุกคน 100% จะเป็นแบบนี้ และแต่ละคนก็คงไม่ได้มีอาการดังนี้อยู่ตลอดเวลา 7 วัน วันละ 24 ชั่วโมง

แต่ประเด็นคือ "มันมี"

แต่เว็บบอร์ดบางแห่งยังเห็นคนเอามาใช้กันเกร่ออยู่ประจำ แบบภูมิใจเสนอด้วยนะ Proudly present มาก ๆ ว่าข้าคือโอตาคุ.... แถมบางทียังเลยเถิดถึงขนาดใช้ยกย่อง(แบบยัดเยียด)เรียกคนอื่นด้วยว่าใช่ ว่าเป็น เจ๋งอย่างงู้น เจ๋งอย่างงี้

ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่คำที่ควรเอามายกย่องเชิดชูเลย เพราะในเมื่อต้นตอมันมีแง่ลบแบบนี้ ถ้ารักจะใช้คำศัพท์ภาษาต่างประเทศ ก็ควรดูด้วยว่าประเทศถิ่นกำเนิดเขาใช้ในแง่ไหน ไม่ใช่ว่า import มาแล้วก็เอามาใช้กันตามใจชอบ

มันก็ประมาณ เรียกโซบะว่าราเมง แค่เพราะมันเป็นอาหารเส้นเหมือนกัน มาจากญี่ปุ่นเหมือนกัน...
สื่อผิดความหมายค่ะ ใครจะใช้ก็ใช้ไปคนเดียวเถอะ อย่าเอามายัดเยียดให้ฉัน!

ส่วนตัวแล้วถ้าโดนใครมาเรียกว่าโอตาคุ ก็คงหงุดหงิดรำคาญใจ และอาจจะพาลอยากไล่คนคนนั้นให้ช่วยไปห่าง ๆ เราซะ ไม่อยากคุยด้วย

จริง ๆ มีบ่นยาวกว่านี้ ไปอ่านเอาเองในบล็อกเถอะ =_=;;